The world will bring you back here
So I wait for you, where you walked away
➰( Jungkook x Namjoon )
#บังทันวีคลี่ • W.23 Sad Ending
ความเชื่อที่คนเคยบอก
ว่าโลกหมุนรอบตัวเอง
เหมือนเวียนเปลี่ยนฤดู
วนกลับมาที่เดิม
ฉันจึงรอเธออยู่ ตรงที่ที่เธอเดินจาก
จากความเชื่อที่ฉันได้รู้จัก
ต้องหมุนวนเธอกลับมา
โลกของเราไม่เคยหมุนวนกลับมาที่เดิมได้อีกครั้งหลังจากโลกทั้งโลกของคุณหายไป มันยังคงเป็นผมที่พยายามสร้างโลกที่มีคุณเอาไว้กอบโกยความรู้สึกที่มีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมยังคงรอให้คุณที่เคยจากไปกลับมา กลับมายังที่ๆคุณทิ้งผมเอาไว้
“จะไปแล้วหรอ?” เสียงทุ้มที่พยายามข่มความรู้สึกตัวเองเอาไว้ข้างในเอ่ยถามออกมาพร้อมหัวใจที่แทบจะตาย
“อืม” คำสั้นๆที่พูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
“ไม่ไปไม่ได้หรอครับ? พี่นัมจุน” เด็กน้อยโอบกอดคนรักของตนไว้จากด้านหลังแผ่นหลังกว้างของนัมจุนเลยถูกใช้เพื่อเช็ดน้ำตา แขนแกร่งของเด็กชายอายุ 19 กอดรั้งไว้ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
“พี่ต้องไปเขารอพี่อยู่ ขอโทษนะที่พี่เป็นคนผิดสัญญาเอง” บาดลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ ใจดวงน้อยกำลังถูกทำลายไม่เป็นชิ้นดี อยากจะกอดอีกคนให้นานที่สุดแต่มันเป็นความเปล่าประโยชน์ที่ชั่งน่าขัน เมื่อคนที่เคยบอกว่ารักกำลังเปลี่ยนใจไป
“ขออีกสักพักนะผมขอกอดพี่อีกสักพัก”
ประโยคสุดท้ายที่คุณทิ้งมันไว้ไม่เพียงแต่จะทำให้ผมตายทั้งเป็นแต่คุณรู้อะไรไหมคุณต่างหากที่กำลังฆ่าผมช้าๆโดยไร้ความปราณี
ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อเมื่อไม่มีคุณแต่ผมยังคงต้องเดินไปให้ได้ ถึงจะเจ็บจะเหงาไปในบางที ถึงผมจะต้องโอบกอดตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาก็ไม่เป็นไร เพราะคุณจะไม่มีวันกลับมาปลอบโยนผมได้อีกแล้ว
ชายหนุ่มในวัยยี่สิบปลายๆกำลังเดินอยู่บนถนนสายหลักของเมืองในยาค่ำคืน ผู้คนมากมายกำลังกลับบ้านหลังจากทำงานกันมาทั้งวันเบียดเสียดกันไปหมดในหมู่ผู้คนมากหน้าหลายตา จะว่าอึดอัดก็ได้ที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แต่จะทำไงได้ก็นี่มันใจกลางเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล ทั้งแสงไฟเสียงเพลงและเสียงการจราจรยังคงดำเนินแม้ว่าท้องฟ้ากำลังจะมืดลงทุกทีแต่การตลาดใจกลางโซลยังคงดำเนินเป็นเรื่องปกติ ขายาวก้าวผ่านถนนคนเดินออกมายังโซนร้านอาหารข้างทาง เสียงท้องร้องบ่งบอกได้ชัดว่าเขากำลังหิวขนาดไหน ทำงานทั้งวันแถมยังไม่ได้ลงไปกินมื้อกลางวันก็เพราะหัวหน้าของเขานั้นแหละที่ค่อยแต่จะสั่งงานจนเขาแทบไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหนขนาดจะเข้าห้องน้ำ เขายังต้องกลั้นมันไว้เพื่อให้งานที่สุมเต็มโต๊ะเสร็จไปสักที พอรู้ตัวอีกที่มันก็ล่วงเลยเวลาอาหารเที่ยงมาตั้งนานแล้ว
“ทำไมไม่กินข้าวสักทีจองกุก” ชายหนุ่มยืนกอดอกบ่นเขามามากกว่าชั่วโมงแล้ว เพราะว่าเขาเองมัวแต่ทำงานจนลืมเวลาแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากจะทำงานให้มันเสร็จก่อน
“นัมจุนเหลืออีกเดียวเองครับ นะเดี๋ยวเสร็จแล้วจะไปกิน” ดวงตากลมอ้อนคนอายุมากกว่าที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทำท่าคล้ายลูกแมวตัวน้อยๆแอคแทคแบบนี่ที่ทำให้นัมจุนเองก็ทำตัวไม่ถูกทุกทีได้แต่ตอบรับส่งๆไปเพราะความเขินว่าให้อีกครึ่งชั่วโมงถ้ายังไม่มากินข้าวเขาจะงอนจริงๆ เจ้าตัวสั่งอย่างที่ว่าเสร็จก็เดินออกไป จองกุกเลยรีบทำงานที่เหลือไม่กี่อย่างให้เสร็จอย่างเร็วรวดแต่ก็เลยครึ่งชั่วโมงที่นัมจุนสั่งไว้อยู่ดี
เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องทำงานรีบตรงมายังห้องครัวเห็นคนรักนั่งหน้าหงอยอยู่ที่โต๊ะกินข้าว อ่า.. นัมจุนคงจะโกรธเขาแล้วแน่ๆ นาฬิกาตอนนี้ทำงานดังกว่าเสียงทั้งหมดในห้องเสียอีก เก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้ามนัมจุนถูกเลื่อนโดยกระต่ายตัวใหญ่ จองกุกยิ้มให้กับนัมจุนหนึ่งทีเพื่อดูเชิง “นัมจุนอ่าเลยมาแค่ชั่วโมงเดียวเอง”
ผู้เป็นพี่เบนสายตาออกจากใบหน้าจองกุกดูก็รู้เลยว่างอนเขามากแน่ๆ
“นัมจุนครับขอโทษนะที่ปล่อยให้รอ”
“………”
“นัมจุนอ่าพี่จะไม่คุยกับผมจริงๆหรอ” ใจเริ่มเสียจากที่เมื่อกี้ยังพยายามใจดีสู้เสืออยู่เลย
“……….” ยังคงเป็นความเงียบที่ตอบกลับมาแทน นัมจุนลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารและกำลังจะเดินออกจากห้องครัว แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยแขนแกร่งของจองกุกถึงน้องจะเตี้ยกว่าเขาไม่กี่เซนแต่ว่าเรื่องกำลังเนี่ยเยอะกว่านัมจุนอยู่พอสมควร
“จะหนีผมแบบนี้ได้ไงยังอ่ะนัมจุน”
“ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าให้มากินก่อน บอกไปตั้งแต่แรกแล้วด้วยก็ไม่ยอมฟังกัน”
“มากอดหน่อยจะได้หายงอน”
“แค่นี้คิดว่าพี่จะหายงอนหรอจองกุก”
“ยังไม่ลองเลยจะรู้ได้ไง” ไม่ว่าเปล่าเขายังถือวิสาสะกอดคนตัวสูงกว่าซะแน่น แถมยังหอมแก้มกลมๆนั้นตั้งสองรอบ ไม่รู้ว่านัมจุนจะหายงอนไหมแต่เขาแค่อยากสัมผัสคนตัวสูงกว่าก็เท่านั้นเอง
เมื่อก่อนตอนที่มีนัมจุนเขาคงจะโดนบ่นยาวเป็นชั่วโมงแน่ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีใครบ่นให้ฟังแบบนั้นแล้ว
ตัวจองกุกยังคงเดินเรื่อยเปื่อยในถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนถนนเส้นเดิมที่เขาเคยผ่านมันไปด้วยกันกับนัมจุนตอนนี้เขาเองก็ไม่ต้องรีบร้อนกลับบ้านเท่าไร วันศุกร์เป็นวันที่เขาจะเดินไปบนถนนของความทรงจำเรื่อยๆมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่นัมจุนทิ้งเขาไว้พร้อมความจำดีๆ ถึงมันจะผ่านไปนานแล้วก็ตามแต่เขาไม่อยากลืมว่าตอนมีนัมจุนอยู่ด้วยมันดีขนาดไหน
สมุดเลคเชอร์และอุปกรณ์เครื่องเขียนไม่กี่ชิ้นถูกจับยัดใส่กระเป๋าแบบไม่ค่อยเป็นระเบียบตามฉบับของผู้ชาย นักศึกษาหลายคนทยอยออกจากห้องหลังจากคลาสเย็นเป็นอันเสร็จสิ้น ร่างสูงโปร่งก็กำลังจะออกจากห้องเหมือนคนอื่นๆแต่ก็ถูกเพื่อนตัวเองรั้งไว้เสียก่อน
“รีบไปไหนมึง?”
“นัมจุนรออยู่ ทำไมมึงมีอะไร” เด็กหนุ่มพยายามจะรีบจบบทสนทนาให้จบโดยเร็วที่สุด
“ก็เปล่าอ่ะถามเฉยๆ”
“เอองั้นเรื่องของมึงเถอะกูไปแล้ว” แต่ก็ยังไม่วายโดนเพื่อนตัวดีรั้งไว้อีกรอบ “อะไรของมึงเนี่ยยูคยอมกูรีบ”
เพื่อนตัวดียื่นกล่องของขวัญเล็กๆให้เขา กล่องของขวัญที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลเรียบๆพร้อมกับการ์ดใบเล็กที่มากับกล่องด้วย เขาเลิกคิ้วขึ้นเป็นการถามว่านี่เป็นของขวัญของใคร
“ให้พี่นัมจุนของมึง”
“ให้ทำไม? ใครให้มึงหรอ” ยูคยอมส่ายหน้า ไม่ได้จากมันแล้วจากใครวะ
“รุ่นพี่ปีสี่คนนึงเอามาให้กู”
“อ่าฮะเดี๋ยวกูเอาไปทิ้งเอง กลับบ้านดีๆมึง”
เขารับของขวัญมาและเดินออกจากห้อง พลิกกล่องไปมาก็เปิดดูการ์ดมันไม่มีอะไรมีแค่ลายมือไก่เขี่ยที่เขียนแค่ว่า ‘คิมซอกจิน’ “ใครวะ” รุ่นพี่ปีสี่ชื่อคิมซอกจินแม่งจะมีความสำคัญอะไรกับแฟนเขามากมายอะไรขนาดนั้นถึงจะต้องส่งของขวัญมาให้ผ่านเพื่อนเขา จะจีบแฟนเขาก็ยังไม่กล้าเลยอย่าหวังว่าอะไรที่ส่งให้จะถึงมือนัมจุนเลย จองกุกคิดมันอย่างไม่ใส่ใจและทิ้งกล่องของขวัญลงในถังขยะใกล้ตึกคณะแพทย์
สองเท้าก้าวผ่านตึกในมหาลัยอย่างเร่งรีบก็พบกับร่างคุ้นเคยที่รอเขาอยู่หน้ามหาลัย รอยยิ้มพร้อมกับลักยิ้มทำให้เรี่ยวแรงที่หายไปตลอดวันกลับมาอีกครั้ง
“รอนานไหม?” นัมจุนแค่ส่ายหน้า
“กลับบ้านกัน” มือหนาของจองกุกเอื้อมมาหยิบกระเป๋าที่สะพายอยู่บนไหล่ของนัมจุนไปถือไว้เอง “ถือให้เพราะเห็นว่าวันนี้น่ารักนะ”
นัมจุนหยิกเข้าที่เอวเมื่อประโยคที่เพิ่งได้ยินมันทำให้เขาใจเต้น “น่ารักแค่วันนี้หรอหืมจอนจองกุก”
“จริงๆก็ทุกวันนั้นแหละที่พี่น่ารัก อยากจะฟัดพี่ทุกวันด้วยซ้ำ” พร้อมกับกอบกุมมือของอีกคนไว้แน่น ไม่มีบทสนทนาต่อจากนี้มีแค่เพียงผู้ชายสองคนกำลังใจเต้นอยู่เงียบๆ มันสั่นไหวทุกครั้งเหมือนกับครั้งแรกที่เคยเป็น
เมื่อก่อนจะมีพี่ที่มาคอยรอผมกลับบ้าน แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้วผมเลยต้องเดินกลับคนเดียวบนถนนที่ไม่มีพี่
ลมกำลังพัดมาและท้องฟ้าส่งเสียงร้อง ฝนกำลังจะตกในไม่ช้าจองกุกเลยต้องหาที่หลบฝนจากที่เขาว่าจะเดินกลับบ้านเรื่อยๆแต่ตอนนี้ต้องมาติดอยู่ในร้านกาแฟที่นัมจุนชอบมากิน บรรยากาศยังคงเหมือนเดิมกับทุกทีที่เคยผ่านตั้งแต่วันที่นัมจุนไม่อยู่เขาก็ไม่เหยียบเข้ามาอีก พนักงานคนเดิมไม่อยู่แล้วก็มันผ่านไปตั้งแปดปีแล้วนี่อะไรๆก็ต้องเปลี่ยน มีแต่เขานั้นแหละที่ยังไม่เปลี่ยน สายตาสะดุดให้กับมุมเดิมที่เคยมาด้วยกัน มันยังคงว่างเปล่าเหมือนกับตัวของเขา จองกุกเดินตรงไปที่โต๊ะมุมที่สวยที่สุดของร้าน มุมที่อยู่ติดกับกระจกใสมองเห็นทุกอย่างของด้านนอกฝนตกลงมาแล้วเขาก็ไม่มีอะไรทำสั่งโกโก้ปั่นไม่หวานมานั่งกินกับการเข้าแอพนกสีฟ้าดูความเป็นไปของคนในไทม์ไลน์
“ขอนั่งด้วยได้ไหม?” ประโยคคำถามของใครอีกคนทำให้จองกุกเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าที่แสนจะคิดถึง รอยยิ้มที่อยากจะเห็นอีกครั้ง น้ำเสียงที่อยากจะได้ยินในตอนที่ตื่น นัมจุนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วในตอนนี้
“ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ” น้ำเสียงที่ดูสบายดีของอีกคนทำใจเขากระตุกไปหนึ่งที ดวงตากลมมองสำรวจทั่วร่างกายของอีกคน ไม่ได้ฝัน
“เปล่าครับ ดีใจต่างหาก”
บทสนทนาดูเมื่อจะหยุดไป
แต่หัวใจเขายังคงเต้นรัว
เหมือนครั้งแรกที่เจอ
“แล้วนัมจุนมาทำอะไรแถวนี้?”
“รอซอกจินน่ะ เขามาทำธุระแถวนี้”
ตอนแรกจองกุกคิดว่าเขาจะลืมไปแล้วว่าความเจ็บปวดเป็นยังไงแต่เปล่าเลยเขายังคงไม่เคยลืมและเมื่อมันถูกสะกิดด้วยถอยคำเล่านั้นแผลที่ดูเหมือนจะปิดและจะหายดีก็ถูดเปิดอีกครั้ง
“แล้วนายล่ะมาทำอะไรรอแฟนหรอ” น้ำเสียงของนัมจุนยังคงสดใส เปรียบเหมือนยาพิษแสนหวานที่กำลังจะฆ่าเขาให้ตายเป็นครั้งที่สอง
“ครับเขาไปซื้อของผมก็เลยมานั่งรอในนี้” ใครว่าล่ะผมยังลืมพี่ไม่ได้เลยจะให้ผมมีใครที่ไหนได้
“ดีแล้วที่นายหาคนดีๆได้พี่ก็ดีใจด้วย” พี่ต่างหากที่ยังดีที่สุดสำหรับผม ถึงอยากจะร้องไห้แต่ก็คงต้องยิ้มออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่เป็นอะไร
บทสนทนาในเรื่องต่างๆยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ มีแต่นัมจุนที่เป็นฝ่ายถาม เพราะจองกุกไม่อยากรู้ว่านัมจุนมีความสุขแค่ไหนตอนไม่มีเขา ฝนหยุดตกแล้วแต่ในใจเขากำลังร้องไห้ และดูเหมือนว่าการสนทนาตลอดครึ่งชั่วโมงกำลังจะหยุดลง
“อือฉันอยู่ที่ร้านกาแฟข้างๆตึกน่ะ มารับได้เลยรออยู่นะ”
จองกุกรู้ว่ามันจะต้องจบลง ยังไงเขายังคงต้องไปไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ไม่สามารถหยุดเรื่องราวทั้งหมดไว้ได้
“พี่ต้องไปแล้วนะจองกุก โชคดีนะยังไงไว้เจอกันใหม่” นัมจุนพูดประโยคสุดท้ายด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมทั้งเดินจากเขาไปเหมือนวันนั้น
“ไม่ไปได้ไหม ผมคิดถึงพี่” ประโยคบอกเล่าที่ไม่มีคนฟังจองกุกกำลังจะร้องไห้ เหมือนอย่างวันนั้นเขาพยายามมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอที่จะลืมทุกอย่างได้แล้ว แต่ไม่เลยเปล่าประโยชน์ เขารู้แล้วว่าเขาทำไม่ได้ถึงแม้จะพยายามแค่ไหน
คอนโดขนาดกลางที่มืดมิดสว่างขึ้นเจ้าห้องกลับมาพร้อมกับความรู้สึกที่ยังคงค้างคา เหมือนเดิมทุกอย่างตัวเขา ห้องนี้ ความทรงจำ ความรู้สึกที่จองกุกมีต่อนัมจุน แต่มีแค่นัมจุนที่เปลี่ยนไป เขากำลังร้องไห้แม้ว่าจะพยายามเท่าไรน้ำตาเจ้ากรรมยังคงไหล ไม่สมกับที่เป็นผู้ชายเลยกอดตัวเองอีกครั้งให้กับความพ่ายแพ้
โลกของนัมจุนยังคงเดินต่อไป
ต่างจากโลกของเขามันหยุดลง
เวลาของเขามันหยุดไว้ตอนที่มีนัมจุนอยู่ด้วย
ความเชื่อที่ว่าสักวันเขาจะลืมนัมจุนได้มันเป็นเพียงเรื่องโกหก
เรื่องที่เขาพยายามจะหลอกให้ตัวเองมีความสุข แม้ว่าจะตายทั้งเป็น
How long do I have to wait?
A belief cannot change the fact
🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺
จริงๆก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าแบดแอนดิ้งได้หรือเปล่า
เพราะว่าความรู้สึกเรามันเหมือนอารมณ์ของคนเหงา
ที่คิดถึงแต่คนรักมากกว่าไม่ได้บรรยายให้เจ็บปวด
แต่อยากบรรยายอารมณ์คนที่ยังลืมไม่ได้